++ พัฒนาการของซอย 20 / 5


พัฒนาการ 
กำเนิดสมาชิก ซอย 20 / 5

โดย เจี๊ยบ


   ก่อนที่จะเป็นกลุ่มสมาชิกซอย 20/5 แบบทุกวันนี้ ขอเล่าย้อนหลัง ว่าพวกเราเป็นมาอย่างไร
เป็นพัฒนาการของพวกเรา 

ซอย 20/5 อยู่หมู่บ้านบ้านบัวทอง
แรกๆ ก่อสร้าง ครอบครัวลุงป๋อง ลุงศักดิ์ มาซื้อบ้านก่อน ประมาณปี 2533-34
ลุงป๋องมาอยู่ก่อนประมาณปี 2535
ครอบครัวเจี๊ยบมาซื้อและมาอยู่ปี 2536 
ส่วนลุงศักดิ์มาอยู่ประมาณปี 2537

ครอบครัวพ่อซัน มาอยู่ประมาณปี 2536
ตามด้วยครอบครัวโอ๊ด มาอยู่ปี 2550


+ + เริ่มจากความผูกพันธ์ที่เกิดจากเด็กๆ + + 

เราบ้านใกล้กัน พูดได้เต็มปากเลยว่า
ความสัมพันธ์ของสมาชิกมาจากเด็กๆ
ที่เกิดไร่เรี่ยกัน
เด็กๆ โตและเล่นมาด้วยกันในซอย
ดึงดูดให้ผู้ใหญ่เข้ามาสนิทชิดเชื้อกัน



ใครเป็นใคร ก็เดาๆ กันไป




ทุกๆเย็น เด็กๆ จะวิ่งเล่นกันในซอย
เสียงเจี๊ยวจ้าวสนุกสนาน

พอเหนื่อยผู้ใหญ่ก็จะหาอะไรให้กิน
เริ่มจากกินขนมเล็ก ๆ น้อยๆ ก่อน
นานวันเข้าก็เริ่มกินจริง ๆ จัง ๆ


จนพัฒนาเป็นการกินเลี้ยง ล้อมวงกินข้าว
ตั้งวงกินพิซซ่า

และที่ขาดไม่ได้คืองานจัดวันเกิดของเด็กๆ
ไร่เรียงกันกินเลี้ยงวันเกิดของแต่ละคน

ผู้ใหญ่ก็จะจัดหาของกินกันมา 
รวมตัวกันกินของอร่อยๆ 
และให้ของขวัญซึ่งกันและกัน

จำได้ว่าพอถึงวันเกิด
ถ้าพ่อแม่ใครซื้อของขวัญวันเกิดให้เด็กคนไหน
ก็ต้องหาซื้อสิ่งนั้นมาให้ลูกตัวเองด้วย  
ไม่งั้น....มีงอน งานเข้าครับ ฮ่าๆ

 จำได้ว่า แรกๆ ก็จะปูเสื่อให้เด็กๆ นั่งกินที่หน้าบ้านน้องอาร์คก่อน เลี้ยงข้าว เลี้ยงขนม เป่าเค๊กให้ของขวัญวันเกิดและร้องเพลงกัน

* การปูเสื้อของเด็กๆ นี่เอง เป็นที่มาหรือเป็นต้นกำเนิดของการ ปูเสื่อ ปาร์ตี้แบกะดินของสมาชิกในซอย นั่นเอง *


คลิปวีดีโอนี้ ฮามาก เป็นคลิปวันเกิดอาร์ค

                                              
แล้วอย่างที่ฮาๆ อย่างหนึ่งคือ 
สิ่งหนึ่งที่หายไปไม่ได้ในงานวันเกิดของเด็กๆ ก็คือ  จะวันเกิดใครก็แล้วแต่  เค๊กวันเกิด จะต้องจุดเทียนปักให้มีจำนวนเท่ากับจำนวนเด็กที่ล้อมวง และต้องเป่าเทียนกันให้ครบทุกคนไม่เฉพาะเจ้าของวันเกิด ไม่งั้นมีงอน..

บางปีเป่าเทียนกันซ้ำหลายรอบ เป็นที่ถูกใจ และสนุกสนานกันมาก
 

เริ่มกำเนิดปูเสื่อแบกะดิน

จากครั้งแรก ก็มีครั้งต่อๆไป
จนเริ่มเป็นธรรมเนียมปฏิบัติงานเลี้ยงประจำของเด็ก ๆ ที่แทบจะต้องมีเกือบทุกเสาร์อาทิตย์ ที่เป็นทั้งวันเกิดและไม่ใช่วันเกิด

วันใดบรรดาแม่ๆ นึกอยากทำให้กิน ก็จัดหาเลย เรียกเด็กมาปูเสื่อลุยกันเลย 
บางทีก็เป็นจะสุกี้ บางทีก็ข้าว 
โดยเฉพาะปีกไก่น่องไก่ทอด มือพันกันเลย
เผลอแป๊บเดียง เกลี้ยงกาละมัง ...

แม่บ้านยุคนั้นก็จะเป็น เล็ก(แม่อาร์ค) กะป้าฬุ(แม่ณัฐ) ซะส่วนใหญ่ 
เด็กๆ ก็มากันพร้อมหน้า
ส่วนที่ไปๆมาๆ ก็น้องโอม-อาร์ม-เอม ที่บ้านอยู่ท้ายๆซอย 

ส่วนคนที่ขี้อายมากๆ  ไม่ค่อยจะมาก็น้องแซน 
ส่วนใหญ่จะส่ง "พี่ซัน" มาเป็นตัวแทน 

ฟุตบอลในซอย



+ + จากเด็กๆ  ก็กล่าวถึงผู้ใหญ่ + +

ช่วงนั้น ประมาณปี 2547  ถ้าจำไม่ผิด
ในขณะที่เด็กๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้ว
แรกๆ ผู้ใหญ่ที่ตามมาดูแลลูก ๆ ก็เรียบ ๆ เคียง ๆ เหมือนยังไม่ค้นพบจุดยืนตัวเอง (ฮ่าๆๆ)

เริ่มจากเบียร์
ทีแรกก็มีอยู่สองคนที่เริ่มสะกิดชักชวนกันดื่มเบียร์ทุกเย็นวันศุกร์ - เสาร์ โดยอ้างว่านั่งดูเด็กที่วิ่งเล่นหน้าบ้าน....
ก็คือลุงศักดิ์ กะ ผมเอง(เจี๊ยบ) 

จุดเริ่มต้นที่นั่งดื่มก็ริ้มรั้วด้านในบ้านเจี๊ยบ

ดื่มแบบง่าย ๆ สองคนก็ 3 ขวด บางทีติดลมก็ 4 ขวด
บ่อยครั้งที่เป็นกระป๋อง ก็ห้าหกกระป๋อง
ส่วนใหญ่ลุงศักดิ์ มีหน้าที่ปั่นจักรยานตัวเก่าออกไปซื้อก่อน แล้วค่อยมาเก็บตัง

ยุคแรกก็จะเป็นเบียร์ช้าง แล้วเปลี่ยนเป็นลีโอ

ยุคนั้นยังไม่มีปูเสื่อของผู้ใหญ่ ยังไม่มีปาร์ตี้แบบกะดิน จะมีแต่ปู
เสื่อเด็กๆ เท่านั้น

บริเวณที่นั่งดื่มคือพิงเสารั้วด้านในบ้านผม 
นั่งจุมปุ๊กกันตรงนั้น (เหมือนกลัวใครมาแย่งเบียร์ยังไงก็ไม่รู้)

ดู
วงกลมในรูปครับ นั่งกันตรงนั้นแหละ



ในวงกลมคือบริเวณที่ลุงศักดิ์ และ ผมเริ่มนั่งดื่มเบียร์เฝ้าดูเด็กๆวิ่งเล่นกัน
ทุกเย็นศุกร์ - เสาร์ (ตอนนั้นยังไม่รู้จักการปูเสื่อ)

ตอนนั้นลุงป๋องทำงานต่างจังหวัด นานๆ กลับบ้านทีนึง นานๆ เจอหน้ากันทีแต่ก็ยังไม่ทักทายกัน ได้แค่มองเห็นกันแว๊บๆ ยังไม่ร่วมวง ยังไม่กล้าเสวนากัน พวกเราจะสนิทกับอากง กับคุณยายน้องต้น ที่อยู่บ้านเลี้ยงน้องต้นมากกว่า

บางวันขณะที่ผมกะลุงศักดิ์นั่งจิบเบียร์ ลุงป๋องกลับมาพอดี ผมกะลุงศักดิ์เคยตั้งท่าจะชวนมาดื่มเหมือนกัน แต่ก็ยังสงวนท่าทีกันอยู่ สุดท้ายก็ไม่ชวน ไม่รู้ทำไม เคยคุยกันวันหลังๆ ลุงป๋องเคยแซวว่า ไม่ชวนสักที ฮ่าๆๆๆ

ส่วนป้าเล็ก คุณอรุณ (พ่อ-แม่ซันแซน) และครอบครัวตาโอ๊ด วิก
ก็เพียงส่งลูกมากินเป็นตัวแทนเท่านั้น 
แถมด้วย "น้องที" หลานลุงป๋องก็มาไม่เคยขาด

กำเนิด ปาร์ตี้ ปูเสื่อแบกะดิน

วันต่อๆมา จากที่นั่งจิบเบียร์เฝ้าดูเด็กๆ 
จนเด็กๆ เลิกวิ่งเล่นเข้าไปเล่นต่อไปบ้านกันเพราะมืดค่ำ คนจิบเบียร์ก็ยังไม่เลิกนั่ง ...

จากนั่งพิงเสารั้วบ้านเจี๊ยบ
ก็เริ่มขยับเขยิบ ไปนั่งริมรั้วบ้านลุงศักดิ์บ้าง 

บ้านลุงศักดิ์เป็นดินนั่งไม่ได้ ก็ต้องหาเสื่อปูกับพื้นปูน ตรงบริเวณวงกลมสีแดงในรูป ที่เริ่มปูเสื้อผืนเล็กๆ นั่งจิบเบียร์ ส่วนเล็กแม่อาร์คกับป้าฬุ ก็เริ่มมานั้งด้วยแล้ว 




บริเวณหน้าบ้านลุงศักดิ์ที่เริ่มจะขยับปูเสื่อ

แต่ช่วงนั้นยังดื่มกันอยู่สองคนเหมือนเดิม คือผมกะลุงศักดิ์
เล็กแม่อาร์คกะป้าฬุก็จะมานั่งคุย กินโน่นกินนี่เป็นพัก ๆ 
 
จนกระทั่งเย็นๆย่ำค่ำวันหนึ่ง 
สักประมาณปี 2548 ถ้าจำไม่ผิด

ขณะที่ผมกะลุงศักดิ์นั่งปูเสื่อจิบเบียร์อยู่หน้าริมรั้วบ้านลุงศักดิ์อยู่นั้น
ลุงป๋องก็กลับมาจากทำงานพอดี  ผมกะลุงศักดิ์ก็ ได้ฤกษ์ เอ่ยปากชวนลุงป๋อง
ให้นั่งร่วมดื่มเบียร์ด้วยกันเป็นครั้งแรก 
ตามด้วยป้านา ก็มาร่วมวงด้วย


จากวันนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง
คือเปลี่ยนจากเสื่อผืนเล็กๆ ผืนเดียว กลายเป็นเสื่อสองผืน  

หลายครั้งในตอนเย็น ๆ วันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ วันแล้ววันเล่า
ครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้งหลายคลา
จากผู้ใหญ่นั่งกินเบียร์จนเด็กๆ มาขอแจมด้วย
จนกลายเป็นกินข้าวไปด้วยเลย


การปูเสื่อก็ขยายอาณาเขตกว้างใหญ่ขึ้น
จากหนึ่งผืนเป็นสองผืนเป็นสามเป็นสี่ผืน

จากนั้นไม่นาน เมื่อมีลุงป๋องป้านา  ก็เริ่มชักชวน คุณอรุณ ป้าเล็ก 
และต่อด้วย ตาโอ๊ด วิก  เข้ามาร่วมวงปูเสื่อกัน
จนอาณาบริเวณปูเสื่อนั้นขยายเต็มพื้นที่จอดรถบ้านลุงศักดิ์
และไม่เพียงเท่านั้น ต้องปูไหลลงไปบนพื้นถนนรถบางส่วนด้วย ได้บรรยากาศสุดๆ

และนี่เอง เป็นที่มาของคำว่า 
"ปาร์ตี้ ปูเสื่อแบกะดิน" นั่นเอง

ที่สำคัญ ปูเสื่อแบกะดินของแท้ ต้องปูหน้าบ้านลุงศักดิ์ใต้ต้นโมกเลยลงบนถนน เท่านั้น ถึงจะเป็นของแท้แน่นอน

 




หลังจากปูเสื่อวันแรก ก็มีวันต่อๆมา 
ปูมันในทุกๆ โอกาสที่จะนึกสรรหามาได้ 
แดดร่ม ลมตก ก็เริ่มแล้ว
ไม่เว้นแม้กระทั่งปูเสื่อฉลองซ่อมรถ
หรือแค่เปลี่ยนหลอดไฟก็ฉลองกันแล้ว 
คือหาเรื่องอ้างมันทุกเรื่อง จะกินเบียร์ว่างั้น เถอะ ฮาๆๆ
จนใครผ่านไปผ่านมา อิจฉาตาร้อน แซวในความแฮปปี้สมัครสามัคคีกลมเกลียวของเรากันตลอด

เหตุการณ์สำคัญที่ไม่พลาดก็ วันสงกรานต์และปีใหม่ 

เช่น เมื่อถึง 31 ธันวาคม จุดนัดพบคือปูเสื่อเค้าดาวน์ กินข้าวกินเบียร์ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมาพร้อมหน้าเต็มหน้าบ้านลุงศักดิ์เลย

พร้อมกับหาซื้อพลุมาจุดกันตอนเริ่มปีใหม่ เด็กๆ สนุกสนานกันมาก
ส่วนใหญ่ลุงป๋องจะไปหาซื้อพลุที่บางใหญ่

บางปีมีฮา คือกินกันเร็วไปหน่อยตั้งแต่บ่าย  รอจะเค้าน์ดาวน์หกทุ่มจะขึ้นปีใหม่ 
ปรากฎว่าเมาหมดแรง เข้านอนยังตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่ม อดเค้าท์ก็มี ฮากันอีกเหมือนกัน


+ + จากเบียร์ช้าง จนมาถึงบอมเบย์ + +

จำได้ว่า วันหนึ่ง คุณอรุณพ่อซันตอนนั้นทำงานโรงแรม ถือขวดน้ำเปล่าขนาดเล็กมาที่วงปูเสื่อขวดนึง 
น้ำข้างในดูใสๆ ถือมาพร้อมกับกระป๋องน้ำโทนิกกระป๋องสีเหลืองๆ 

พ่อซันบอกว่าน้ำในขวดคือเหล้ายีนส์ จะทำให้กิน

แล้วก็จัดการชงผสมกับน้ำโทนิกกระป๋องชื่อชเว็ปส์ ที่ถือมาด้วย
พร้อมกับขวานมะนาวชิ้นบาง ๆ ใส่มาก้นแก้ว
ชงให้ทุกคนดื่ม

โอ้โฮ เปิดมิติการดื่มใหม่ อร่อยไปเลยซิครับ
ทุกคนติดใจ ถามคุณอรุณว่า ทำไมยีนส์อยู่ในขวดน้ำ
คุณอรุณตอบว่า แอบขโมยรินยีนส์ใส่ขวดน้ำมาจากโรงแรมมากินที่บ้านทุกวันและทำมานานแล้ว เล่นเอาฮากันทั้งวง

จากนั้น บอมเบย์ กับชเว๊ปส์ ก็เลยอยู่คู่กับปาร์ตี้แบกะดินมาตลอด จนทุกวันนี้




ปาร์ตี้แบกะดินพร้อมบอมเบย์และชเว็ปส์


+ + วันสงกรานต์ของซอย + +

จากเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ของเรา
ตอนนี้ก็เริ่มโตกันมากแล้ว
 

 พอถึง
ในวันสงกรานต์ของทุก ๆ ปี ไม่เว้นแม้เด็กและผู้ใหญ่ เรา
จะเริ่มเล่นน้ำกันตั้งแต่บ่ายวันที่ 12 - 13 - 14 

โดยแต่ละวันจะเล่นน้ำกันยาวๆไปจนมืด ถึงสี่ห้าทุ่มเลยทีเดียว
อาหารการกิน ขนม เหล้ายาปลาปิ้งเพียบพร้อม สถานที่หลักก็หน้าบ้านลุงศักดิ์ที่เดิม

ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่
สนุกกันจนไม่สนใจชาวบ้านครับ ฮ่าๆ..
เล่นน้ำไป เหนื่อยก็พัก 
หิวก็กิน เพราะมีของกินของดื่ม ตลอดงาน
ใครได้สัมผัสจะบอกว่า โคตรสนุก...











ท่องเที่ยวประจำปี ประจำซอย

ซอย 20 / 5 มีพัฒนาการเรื่อย ๆ ครับ
หลังจากเฮฮาปาร์ตี้กันในซอย ทีนี้ก็ออกนอกซอยกันละครับ
ก็เป็นเรื่องการท่องเทียวจนกลายเป็นเที่ยวประจำปีประจำซอย 20 / 5 ไปซะแล้ว

เริ่มจากลุงป๋อง ได้เอ่ยปาก
ชวนและเป็นตัวตั้งตัวตีก่อนใคร
ครั้งแรกเลยเราไปกันที่อ่าวไข่ ระยอง ปี 2549
เหมารถตู้ไปและนอนพักที่บ้านหลังใหญ่ริมทะเล
ครั้งนั้น ยายและครอบครัวน้องทีไปด้วย
                      
                         
                         

จากท่องเที่ยวครั้งแรก ก็กลายเป็นการถึือปฏิบัติทุกปี
บางปีไปสองครั้ง ซึ่งจะเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ (มีค - พค) และปิดเทอมเล็ก (ตค.)
โดยปีแรกๆ ยังไปกันไม่ครบทุกครอบครัว

สูงเสียดฟ้า เดือนพฤษภาคม 2550 
ปีต่อมา ลุงป๋องสร้างปรากฎการณ์ความสูง โดยพาไปพักที่ระยองคอนโดชั้น 27
ครั้งนั้น ครอบครัวป้าเล็กคุณอรุณ ตามมาพักคืนที่สอง
ถือเป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งแรกของครอบครัวพี่ซัน น้องแซน(ที่เริ่มคุยแล้ว ฮ่าๆ)
ส่วนครอบครัวคุณโอ๊ดยังไม่เริ่มร่วมเดินทางด้วยกัน




และแล้วคอนโดนี้ถูกยึด...
โชคดีที่เรายังได้มาสัมผัสอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ตุลาคม 2551
ลาแล้วคอนโด ชั้น 27



จากเที่ยวครั้งแรกปี 2549 
พัฒนามาจนมาถึง ปี 2552 
ครั้งนี้เรามาชะอำ และที่สำคัญ 
เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวตาโอ๊ด พ่อน้องเอิร์ธ มาเที่ยวด้วยกัน
แต่ครั้งนี้ครอบครัวลุงศักดิ์และครอบครัวพี่ซันมาไม่ได้
(ไม่ครบซะที)
นอกจากนั้นก็มียาย กะน้องเอ๊ะน้องสาวป้านามาด้วย
ที่ชะอำครั้งนี้จะไม่ลืมเลือนการดื่มเบียร์ท่ามกลางสายฝนเย็นฉ่ำ
เพราะเจอฝนตลอด
แต่เราก็ไม่หวั่นไหวกับสายฝน เรากางร่ม ดื่มเบียร์ ไม่เกรงใจใคร
น้ำฝนทำให้เบียร์เย็นเจี๊ยบชื่นใจ (แต่ทำไมมันจืดๆชอบกล)
ส่วนกับแกล้มก็ไม่น้อยหน้า  เติมเต็มไปด้วยน้ำฝน ...อร่อยครับ

 นอกจากเบียร์ผสมฝนแล้ว ก็จะไม่ลืมเนื้อทอดตลาดหัวหิน
 ที่ทำเอาสามหนุ่มสามมุม หันหลังกลับเมื่อรู้ราคามหาโหด
(ลุงป๋อง ผม ตาโอ๊ด ตั้งใจซื้อกลับบ้านพักเพื่อมาแกล้มเหล้า
แต่พอถามราคา แม่ค้าบอกเท่านั้นแหละ
สามคนทำหน้าเลิกหลักหันหลังเดินดุ่ม ๆ กลับไปที่รถทันที ขำกันมา)
และการมาครั้งนี้ของตาโอ๊ด
 
เป็นที่มาว่าทำไมถึงเรียก ตาโอ๊ด ว่า "โอ๊ด เยส ไอแคน"
ดูคลิปก็แล้วกัน



คลิปที่มาคำว่า "โอ๊ด เยส ไอ แคน"



เที่ยวพร้อมกันทุกครอบครัว(ซะที)

จากเที่ยวประจำปีหลายครั้งที่ผ่านมา
ยังถือว่าไ่ม่ครบสมาชิกทุกครอบครัว สักที
จนกระทั่งถึงฤดูท่องเที่ยวประจำปี 2553
ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เที่ยวพร้อมกันครบสมาชิกครับ

ครั้งนี้ เราไปนอนสองคืน ที่ชะอำพาร์ค รีสอร์ท 
สนุกมาก เพราะพร้อมหน้าพร้อมตากันครบทุกครอบครัว

และยังเป็นครั้งแรกที่ขบวนของเรา
มีวิทยุ ว.แดง พูดคุยสื่อสาร
ทำเอาเด็ก ๆ พูด ว. กันมันเค้าเลยละครับ
ทั้งระหว่างเดินทางและอยู่ที่ชะอำ


บ้านสองหลัง กินนอนเ่ล่น
สนุกไม่แพ้ครั้งที่ผ่านมา





พัฒนาการขึ้นโต๊ะ

จากนั่งพิงเสารั้ว
มาเป็นการปูเสื่อหน้าบ้านลุงศักดิ์
จากเสื่อผืนเดียว กลายเป็นหลายผืนเต็มพื้นที่
ต่อมา เมื่อข้างบ้านลุงศักดิ์ที่เลี้ยงหมา
เริ่มส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์
ออกมารบกวนจนได้กลิ่นชัดเจน 

สมาชิกก็เดือนร้อนซิครับ
สุดท้ายจึงได้ขยับขยาย โยกย้ายไปปูเสื่้อหน้าบ้านลุงป๋องแทน
หลายหนเหมือนกัน
แต่ด้วยความชราภาพ(หรือเปล่าไม่รู้ได้)
นั่งแล้วลุกไม่ขึ้น (ฮา) ลุงป๋องจึงต้องขวนขวายหาโต๊ะมาตั้งแทนการปูเสื่อ

 แต่บางครั้งล้น นั่งไม่พอ ก็มีปูเสื่อข้าง ๆ ให้เด็ก ๆ นั่งก็มี



 




ปูเสื่อหน้าบ้านลุงป๋อง


 พัฒนาขึ้นโต๊ะแล้วครับ 





และทุกวันนี้ มีคำใหม่ประจำซอย
คือทุกครั้งที่จะปาร์ตี้  ก็ใช้คำว่า " วันนี้มีประชุม "
จะโทรแจ้ง  หรือ SMS หรือไม่ ก็ ว. เรียก  เป็นอันรู้กัน





อัพเดตข้อมูล  13 ธค 55