รวบรวมเหตุการณ์อพยพหนีน้ำท่วม ปี 2554
โดย...เจี๊ยบ เอลเซ่
(ทำไมเอลเซ่ อ่านให้จบครับ..)
เก็บภาพและวีดีโอ
ที่ google photo : soi20bbt@gmail.com
เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ของไทย (กย. 54 - ธค.54) กระทบ ชาว "ซอย 20/5 "
แบบเต็ม ๆ ครับ พวกเราต้อง "อพยพ" หนีน้ำ ระส่ำกันถ้วนหน้า
ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านพังเสียหาย ละลายไปกับน้ำเยอะแยะมากมาย
เป็นความทรงจำที่ตื่นระทึก ที่ต้องนึกถึงและจำไปอีกนานแสนนาน
มันเริ่มจาก ...
ภาวะฝนตกชุก ผิดฤดู ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554
เรื่อยมาจนถึงตุลาคม ฝนก็ยังตกอยู่
ระหว่างนั้น พวกเราก็ยังคงตั้งวงโต๊ะอัศวินหน้าบ้านลุงป๋องเป็นปกติ
นั่งไปคุยกันไประหว่างฝนพรำก็หลายหน
แล้วน้ำมากมายเกินปริมาณปกติก้อนมหึมา ก็ไหลบ่ามาจากเหนือ
เอ่อท่วมภาคกลางมาเรื่อยๆ
ข่าวบอกว่า มวลน้ำนี้ได้ผสมกับน้ำจากเขื่อนภูมิพล / สิริกิต
ที่ถูกปล่อยออกมาเพราะกักไว้ไม่ไหวแล้ว
จึงเป็นน้ำปริมาณมหาสาร ไหลมาหาเราเต็มๆ
รูปมวลน้ำ(สีฟ้า)ที่ไหลลงมาจากทางเหนือ |
มวลน้ำดังกล่าวเอ่อท่วมมาเรื่อยๆ ทุกที่ที่เป็นทางผ่านของน้ำ
ทยอยเดินทางมาจนท่วมอยุธยา โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ จมหายไปพริบตา
แล้วจนในที่สุด ก็ถึงคิวปทุมธานีและนนทบุรีบ้านเรา
ณ เวลานั้น
ข่าวสารจาก อบต.ที่กรอกหูทุกวันว่า "เอาอยู่"
ทำให้พวกเราไว้วางใจตลอดมา
เรายังคงมั่นใจ และไม่เคยคิดถึงน้ำจะมากมาย และสูงมากขนาดนี้มาก่อนเลย
สิ่งนี่เอง ที่ทำให้ทุกบ้านของพวกเรา ไม่คิดขนของหนีน้ำกันเลย
ก่อนวันที่ 20 ตุลาคม 2554 พวกเราคาดการณ์กันบ้างว่าน้ำจะท่วมแค่ไหนหนอ?
คาดเดากันต่าง ๆ นานา ว่าคงท่วมไม่มาก
เมื่อปี 38 พวกเรายังอยู่ได้
คิดได้ดังนั้น พวกเราทุกบ้าน ก็เลยลางานมาช่วยกันลงแขก ก่ออิฐก่อปูนหน้าบ้าน
กันน้ำด้วยอิฐบล๊อก 4 ก้อน ก็คงจะเอาอยู่
รูปก่อปูนป้องกันน้ำ่ท่วม ต้นเดือนตุลาคม 2554
วันที่ 17-18 ตุลาคม 2554
มีข่าวใหญ่ น้ำทะลักบางบัวทองและมุ่งตรงสู่หมู่บ้านบ้านบัวทองและ
ระแวกใกล้เคียง
พวกเราโทรเช็คและสอบถามกันให้วุ่น
ในใจทุกคนยังสบสน "เอาไงยังไงกันดี"
เที่ยงวัน วันที่ 19 ตุลาคม 2554
ถือได้ว่าเป็นวันสุกดิบ
ข่าวใหญ่ แจ้งว่า เขื่อนคลองต่าง ๆ ในระแวกบางบัวทองแตก
เช่น เขื่อนกั้นน้ำตรงวัดละหารแตกแล้ว หรือคลองพระพิมลแตกแล้วแบบนี้เราคง "เอาไม่อยู่" แน่ๆ
พวกเราต่างตกใจ และตัดสินใจลางานกลับบ้านทันที
ช่วงเที่ยงวันนั้น ถนนกาญจนาภิเษก ตั้งแต่ต่างระดับฉิมพลี
จนถึงบางบัวทอง เป็นอัมพาต รถแน่นเอียด
อาจเนื่องมาจากถนนสายเอเซียน้ำท่วมหมดรถไปสายเหนือต้องใช้เส้นนี้
ประจวบกับที่ ชาวบางบัวทอง บางใหญ่ แห่กลับดูบ้านกันด้วยทำให้กว่าเราจะถึงบ้าน ต้องติดแหงกบนถนนนานมากๆ
เครียดซิครับท่าน..
ถึงบ้าน..
อบต.ยังคงประกาศออกลำโพงว่า "หมู่บ้านเราปลอดภัย"
ยังเอาอยู่ "ให้ลูกบ้านนอนตาหลับ"
ทำให้พวกเรายิ่งสับสน งงงวยกันใหญ่
แต่เพื่อความไม่ประมาท เราเร่งเก็บของขึ้นชั้นบนกันเท่าที่ทำได้ ตั้งแต่บ่ายวันนั้น
เวลานั้น ความคิดที่จะอพยพ ยังไม่เกิดครับ
เราจะอยู่ชั้นสองกัน มีไรก็ช่วยเหลือกัน
บ่ายแก่ๆ วันที่ 19 ตค 54
แล้วก็ตระเวณขับรถถ่ายคลิ๊ป สำรวจคลองหลังหมู่บ้าน
ถ่ายน้ำล้นข้ามถนนที่มุ่งตรงสู่หมู่บ้าน บริเวณท้ายซอย 18
ส่วนพ่อซัน และ ลุงศักดิ์ ยังคงจอดรถไว้หน้าบ้าน
น้ำเริ่มล้นทะลักคลองบางไผ่ ท้ายซอย 18
หน้า อบต.บางรักพัฒนา
ตกหัวค่ำวันที่ 19 นั่นเอง
พวกเรารวมตัวตั้งวงปรึกษาหารือในบ้านลุงป๋อง
คอยเฝ้าระวัง ฟังข่าวจากลำโพง อบต.ว่าจะมีอะไรเพิ่มเติม
แต่แล้ว เบียร์เพิ่งจะซดไปเพียงคนละแก้วเท่านั้น
อบต.ก็ขับรถประกาศเสียงดังฟังชัด
ให้ลูกบ้านไปช่วยกันกั้นกระสอบทรายที่หน้า อบต.หลังหมู่บ้าน
เนื่องจาก น้ำทะลักข้ามถนนเข้าหมู่บ้านมาแล้ว
พวกเราทุกคนหุนหันเร่งฝีเท้าออกไปช่วยกันกั้นกระสอบทราย
แล้วยังเรียกเด็ก ๆ ไปช่วยกันด้วย
จากนั้น ประมาณสองทุ่มครึ่งเห็นจะได้
ทุกคนเดินกลับมาแบบหมดแรง ระทดระทวย
เพราะมั่นใจแล้วว่า "เอาไม่อยู่แน่ ๆ แล้ว" น้ำท่วมบ้านแน่ๆ
แต่ท่วมแค่ไหน ยังไม่มีใครคาดเดาได้
สักครู่ต่อมา อบต. ประกาศว่า ให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูงทันที
เนื่องจากเขื่อนพิมลราชแตกจริง ๆ แล้ว
พวกเราทุกคนต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน เก็บข้าวของที่เหลือขึ้นชั้นบน
และคงไม่เกินปูนที่ก่อไว้
ค่ำคืนนั้น
เราออกมาดูน้ำหน้าบ้าน ที่ค่อย ๆล้นจากท่อระบายน้ำขึ้นมาเรื่อยๆ
รูปน้ำค่อย ๆล้นตามท่อระบายน้ำช่วงประมาณ 3 ทุ่ม
ของค่ำวันที่ 19 ตุลาคม 2554
คืนนั้น..ครอบครัวลุงป๋องต้องพาพ่อ-แม่ลุงป๋อง ซอย 21
ย้ายไปที่อื่นก่อน จึงต้องปิดบ้านแลไปนอนที่หมู่บ้านชลดา
ส่วนครอบครัวลุงศักดิ์ , พ่อซัน , โอ๊ตไอแคน และผม ยังคงนอนที่บ้าน
คืนนั้นพวกเรานอนไม่หลับ
เล็กสองเล็ก วิทยุ ว. กันทั้งคืน
(ช่วงปีนั้น มือถือยังไม่ฮิต ไม่มีไลน์ พวกเราใช้ วิทยุ ว.กัน)
เล็กสองเล็ก วิทยุ ว. กันทั้งคืน
(ช่วงปีนั้น มือถือยังไม่ฮิต ไม่มีไลน์ พวกเราใช้ วิทยุ ว.กัน)
จนกระทั่ง
ตีสี่ของวันที่ 20 ตุลาคม 2554
น้ำก็ท่วมสูงขึ้น
รูปน้ำท่วมสูงขึ้น ช่วงตีสี่ วันที่ 20 ตค. 54
ตีสี่กว่า เสียงสองเล็กยัง ว. ก้นไม่หยุด
ทุกครอบครัวเริ่มถามไถ่เช็คกันว่าเอาไงกันดี
จะไปไม่ไป จะไปไหน ?
ทุกครอบครัวเริ่มถามไถ่เช็คกันว่าเอาไงกันดี
จะไปไม่ไป จะไปไหน ?
แต่ในใจลึกๆ อยากจะอยู่ให้ได้
ตอนนั้น พ่อซันตัดสินใจขับกระบะออกไปจอดหนีน้ำที่ถนนใหญ่
จนกระทั่งสว่าง
สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ก็เกิดขึ้นจนได้
น้ำยังไม่ท่วมพ้นอิฐหน้าบ้านที่ก่อไว้ก็จริง
แต่พื้นบ้าน พื้นในครัว พื้นในห้องน้ำ
น้ำมันดันขึ้นตามช่องปูน ช่องกระเบื้อง
และตามซอกหลืบของบ้าน
เป็นอันว่า" จบข่าว"
ก่ออิฐก่อปูนหน้าบ้านนั้นเปล่าประโยชน์แล้ว
เพราะน้องน้ำเล่นทะลักในบ้านแบบนี้ก็ เอวัง
เราถามไถ่กันว่าเอาไงกัน
จะอยู่ชั้นบนกันมั๊ย แล้วจะอยู่กันอย่างไร
ในขณะที่พวกเราลังเล พะวักพะวัน วุ่นวายใจกันอยู่นั้น...
ข่าวจากหมู่บ้าน ก็ประกาศออกมาว่า เค้าจะต้องตัดน้ำตัดไฟ
เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน
แล้วถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราจะอยู่ชั้นสองกันอย่างที่ตั้งใจไว้อย่างไร
ทุกคนหมดหวังและถอดใจ
จึงทำให้เกิดการตัดสินใจครั้งสำคัญของพวกเรา ชาวซอย 20/5..
การอพยพ(ครั้งที่หนึ่ง) ก็เริ่มขึ้น
8 โมงเช้า ของวันที่ 20 ตุลาคม 2554
ทุกครอบครัวตัดใจ ทิ้งบ้าน "อพยพ" หนีน้ำแบบโกลาหล
เป้าหหมายทุกครอบครัว คือ อาคารพานิชย์ของพี่ิรินทร์พี่ใช้
สายสี่ทองคำพลาซ่า ถ.พุทธมณฑล สายสี่
ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่เราเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ถุง เป้
เท่าที่จะคว้าได้ น้ำหน้าบ้านสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเร็วมาก
แป๊บเดียวก็ท่วมล้นอิฐปูนที่ช่วยกันก่อหน้าบ้าน
ไหลทะลักเข้าไปผสมรวมกับน้ำที่เอ่อล้นจากพื้นบ้าน
ไม่นาน น้ำในบ้านก็เกือบถึงหัวเข่า
ทุกคนปิดบ้าน ออกจากบ้านกันอย่างทุลักทุเล
เดินลุยน้ำที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อออกไปให้ถึงถนนใหญ่หน้าหมู่บ้าน
มีรถมีเรือผ่านมาก็ขออาศัยไปด้วยเท่าที่จะทำได้
ข้าวของก็ใส่กระเป๋า ใส่ถุง หรือใส่กระละมังล่องน้ำออกมา
เท่าที่จะทำไหว
กว่าจะออกสู่ถนนใหญ่ได้ เล่นเอาเกือบช๊อคไปตาม ๆ กัน
คลิ๊ปแรก ขณะออกจากบ้าน ยืนถ่ายบริเวณปากซอย 4
ภาพที่เห็นบริเวณบ้านลุงป๋อง ปากซอย 5
ภาพที่สอง ขณะอยู่บนรถกระบะ ที่ขอเค้าอาศัยออกไปหน้าหมู่บ้าน
ผม / ลุงศักดิ์ / ป้าฬุ / อาร์ค / ณัฐ / แซน / พี่ซัน /ป้าเล็ก และอาม่า
นั่งรถพ่อซัน
ตาโอ๊ดไอแคนขับแท็กซี่ตัวเองตามไป
ส่วนลุงป๋อง ป้านา ย้อนกลับมารับเล็ก,พี่ริน พี่เปี๊ยก(พี่สาวเล็ก)และหลานเล็ก
ที่มาช่วยขนของ เพื่อไปสายสี่ด้วยกัน
(แวะดู"ไอ้ทองสามห่วง" ที่วิลล่าคุณาลัย ที่น้ำท่วมไปเกือบครึ่งคัน)
ทั้งหมด สุดปลายทางเจอกันที่ทองคำสายสี่พลาซ่า
กว่าจะถึงและรวมตัวกันครบ ก็เกือบค่ำ
ที่สายสี่ทองคำพลาซ่า
ที่นี่ เป็นแหล่งที่พัก รวมผู้อพยพหนีน้ำจากชาวซอย 20/5
พวกเรา 5 ครอบครัว เริ่มพักอยู่ที่สายสี่ตั้งแต่วันที่ 20 ตค. 54
อีก 5 วันต่อมา ย่าอาร์คและพี่ติ๊ด พี่อ๊อด ก็อพยพจากริมคลองมหาสวัสดิ์
ตามมาอยู่ด้วยอีก 3 คน
ต้องขอขอบคุณพี่รินทร์พี่ใช้
ที่อนุเคราะห์ทั้งที่พัก อาหารขนม ของกิน และน้ำ เยอะแยะมากมาย
แถมยังซื้อพัดลมให้อีกด้วย..
ส่วนพวกเราก็แชร์กันซื้อเครื่องซักผ้า ซื้อเครื่องกรองน้ำ
เตาแก๊สปิกนิก และหลาย ๆ อย่าง
กะว่าอยู่ยาว อย่างสบายๆ
สายสี่น้ำก็ท่วมไม่แพ้กัน
เราวางแผนอยู่กันที่นี่ ... แต่ไม่เป็นดังนั้น...
ต้นเดือน พฤศจิกายน 2554
น้ำก็เริ่มคลืบคลานเข้ามายังศาลายา
ท่วมถนนบรมฯ นครชัยศรี น้ำท่วมท่วมสูงขึ้นไม่หยุด
และก็คลืบคลานมาจนถึงหน้าถนนพุทธมณฑลสายสี่
จนในที่สุดน้ำก็ท่วม อ.พุทธมณฑลทั้งพื้นที่แบบเต็มๆ
โดนหมดถ้วนหน้า สายสอง สายสาม สายสี่ สายห้า
โดยเฉพาะถนนบรมราชชนนี รถก็วิ่งไม่ได้เลย น้ำท่วมสูงมาก
" ฝันสลาย การอพยพ ครั้งที่สอง ก็เริ่มขึ้น "
ขณะที่อยู่สายสี่ ผมกับเล็กยังหยุดงานได้หลายวัน
ส่วนครอบครัวลุงป๋อง กับพ่อซัน ยังต้องไปทำงาน
รถกระบะลุงป๋อง กับพ่อซัน ยังพอวิ่งได้
น้ำบนถนนพุทธมณฑลยังไม่สูงมากนัก
แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ...
เมื่อน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ รถกระบะก็จะวิ่งไม่ได้
ถ้าต้องทำงาน ก็ต้องเดินทางโดยขึ้นรถทหาร
หรือโบกรถชาวบ้านสูง ๆ อาศัยเค้าออกไป
และไปต่ออีกหลาย ๆ ต่อกว่าจะถึงที่ทำงาน
พ่อซันและครอบครัว ไม่สามารถขับรถกลับมาสายสี่ได้
จึงต้องอพยพออกไปพักที่ทำงาน โรงแรมโนโวลเทล
อีกไม่กี่วัน ลุงป๋องก็ไม่สามารถขับรถฝ่าน้ำกลับมาสายสี่ได้อีก
ก็ต้องอพยพออกไปอยู่ศูนย์พักพิงแถวๆ สนามบินน้ำ
ส่วนตาโอ๊ด แท็กซี่ ก็อพยพไปอยู่ ถนนติวานนท์
ตามมาด้วยลุงศักดิ์ อพยพไปอยู่แถวราชวัฒน์
ส่วนครอบครัวผมและย่าอาร์ค ยังคงอยู่สายสี่
เล็ก(ภรรยา)จำเป็นต้องไปทำงาน อย่างรำบาก ทุลักทุเล
โดยโหนรถทหารออกไป ต่อเป็นทอด ๆ
กว่าจะถึงเหนื่อยสุด ๆ
ขากลับ ออกมาบ่ายนิด ๆกว่าจะถึงสายสี่ เย็นค่ำก็มี
น่าสงสาร
ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อหน้าบ้าน ดูเรือกับรถวิ่งแข่งกันไปวันๆ
ท้ายที่สุด ศิริราชให้ไปทำงาน ภายในวันที่ 23 พย 54
ผมหมดสิทธิโหนรถทหารแน่ ๆ
จึงต้องต้องอพยพกับเค้าบ้าง
โดยต้องย้ายออกจากสายสี่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554
ไปเช่า พี.พี.แมนชั่น ซอยวัดดงมูลเหล็ก
เมื่อต่างคนต่างย้ายออก
ย่าอาร์ค ก็อยุ่ไม่ได้ขอย้ายกลับบ้าน 27 พย.2554
ไปทนอยู่แคร่ที่บ้านริมคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งน้ำลดลงบ้าง
เป็นอันจบฉากอยู่รวมกันที่สายสี่เพียงเท่านี้

ไกลมากๆ ไม่รู้ไปกันได้ไง
ดูบ้านครั้งที่ 2 วันที่ 31 ตค. 54
ครั้งนี้อ้อมไปทางบางแค แล้วอ้อมโลกไปจอดแยกบางพลู
แล้วต่อรถเมล์ ต่อรถทหาร จากนั้น ก็เดินไปหน้าบางใหญ่
โบกรถทหารไปหน้าหมู่บ้าน
โอ๊วมายก๊อด ทรหดจริงๆ
ดูบ้านครั้งที่ 3 วันที่ 6 พย. 54
น้ำเริ่มลดบ้างเล็กน้อย ลุงป๋องต่อท่อไอเสีย
ลุยกลับมารับไปจอดหน้าหมู่บ้าน
จากนั้นก็ต่อเรือรับจ้าง ที่จอดรอรับจ้างแถวๆศาลพระภูมิ
วิ่ง แต่กๆๆๆๆ ไปถึงรั้วบ้าน
แพงนะครับ แรก ๆ คนละร้อย
ซอยอื่นๆ หลายครอบครัวในหมู่บ้าน ต่างทิ้งบ้านรกร้าง
รถที่ถูกน้ำท่วมก็จอดทิ้ง เหมือนหมดอาลัยตายอยากไม่อยากกลับมากแล้ว
แต่..เราก็ยอมกลับบ้าน โดยอยู่ไป เก็บไปครับ
เฟื่องฟ้าดอกงาม หลังน้ำลด ถ่ายเมื่อ กพ. 2555
(ล้มโค่นไปแล้วเมื่อต้นเดือน เมย. 55 วันนั้นฝนตกมีพายุแรงมาก)
แมนชั่นเค้าห้ามทำอาหาร
คุณนายเล็ก ภรรยา ก็หาซื้อขนมปังต่าง ๆ ไว้ให้แก้หิว
โดยเฉพาะ เอลเซ่ ....
เช้ามา .. ชงกาแฟ ก็กินเอลเซ่ แทนข้าว
กลับห้อง อยู่ห้อง หิวไม่รู้จะกินอะไร ก็กินเอลเซ่..
และไปต่ออีกหลาย ๆ ต่อกว่าจะถึงที่ทำงาน
พ่อซันและครอบครัว ไม่สามารถขับรถกลับมาสายสี่ได้
จึงต้องอพยพออกไปพักที่ทำงาน โรงแรมโนโวลเทล
อีกไม่กี่วัน ลุงป๋องก็ไม่สามารถขับรถฝ่าน้ำกลับมาสายสี่ได้อีก
ก็ต้องอพยพออกไปอยู่ศูนย์พักพิงแถวๆ สนามบินน้ำ
ส่วนตาโอ๊ด แท็กซี่ ก็อพยพไปอยู่ ถนนติวานนท์
ตามมาด้วยลุงศักดิ์ อพยพไปอยู่แถวราชวัฒน์
ส่วนครอบครัวผมและย่าอาร์ค ยังคงอยู่สายสี่
เล็ก(ภรรยา)จำเป็นต้องไปทำงาน อย่างรำบาก ทุลักทุเล
โดยโหนรถทหารออกไป ต่อเป็นทอด ๆ
กว่าจะถึงเหนื่อยสุด ๆ
ขากลับ ออกมาบ่ายนิด ๆกว่าจะถึงสายสี่ เย็นค่ำก็มี
น่าสงสาร
ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อหน้าบ้าน ดูเรือกับรถวิ่งแข่งกันไปวันๆ
ท้ายที่สุด ศิริราชให้ไปทำงาน ภายในวันที่ 23 พย 54
ผมหมดสิทธิโหนรถทหารแน่ ๆ
จึงต้องต้องอพยพกับเค้าบ้าง
โดยต้องย้ายออกจากสายสี่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554
ไปเช่า พี.พี.แมนชั่น ซอยวัดดงมูลเหล็ก
เมื่อต่างคนต่างย้ายออก
ย่าอาร์ค ก็อยุ่ไม่ได้ขอย้ายกลับบ้าน 27 พย.2554
ไปทนอยู่แคร่ที่บ้านริมคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งน้ำลดลงบ้าง
เป็นอันจบฉากอยู่รวมกันที่สายสี่เพียงเท่านี้
จุดรอรถทหารหน้าตลาดมาลี ตรงข้างตึกที่พัก
รับข้าวกล่องแจก

ตึกสายสี่ที่พัก
เหงาซิครับ ไปไหนไม่ได้
อยู่อย่างนี้ทั้งวัน
อยู่อย่างนี้ทั้งวัน
ขณะที่อยู่สายสี่ ได้รับแจกน้ำขวด ภาษาเขมรทั้งหมด
ไม่รู้มาได้ไง
เข้าดูบ้านเป็นระยะๆ
ช่วงแรกๆ ในขณะที่ยังอยู่สายสี่กันครบทุกครอบครัว
ก็มีการเดินทางเข้าไปดูบ้านเป็นระยะๆ
ลุงป๋องพยายามพาลุยไปตามถนนที่รถกระบะ วีโก้สีทองที่พอจะวิ่งได้
ถึงกระนั้น น้ำก็สูงจนจะถึงฝากระโปรงอยู่แล้ว
ดูบ้านครั้งแรก วันที่ 22 ตค .54
ลุงป๋องพาดั้นด้นลุยน้ำไปทางวัดต้นเชือก หาทางไปจอดถนนลาดปลาดุก
ตรงที่น้ำท่วมไม่ถึง
จากนั้นก็เดินลุยน้ำกันไป ผ่าน อบต.บางรักฯ ผ่าน รร.กษิณธร เดินลุยจนถึงบ้านไกลมากๆ ไม่รู้ไปกันได้ไง
ดูบ้านครั้งที่ 2 วันที่ 31 ตค. 54
ครั้งนี้อ้อมไปทางบางแค แล้วอ้อมโลกไปจอดแยกบางพลู
แล้วต่อรถเมล์ ต่อรถทหาร จากนั้น ก็เดินไปหน้าบางใหญ่
โบกรถทหารไปหน้าหมู่บ้าน
โอ๊วมายก๊อด ทรหดจริงๆ
น้ำเริ่มลดบ้างเล็กน้อย ลุงป๋องต่อท่อไอเสีย
ลุยกลับมารับไปจอดหน้าหมู่บ้าน
จากนั้นก็ต่อเรือรับจ้าง ที่จอดรอรับจ้างแถวๆศาลพระภูมิ
วิ่ง แต่กๆๆๆๆ ไปถึงรั้วบ้าน
แพงนะครับ แรก ๆ คนละร้อย
ภาพขณะนั่งเรือ
รอยคลาบน้ำที่ลดลงทีละนิดๆ
ในขณะที่เราลุยน้ำเข้าไปดูบ้านกันทั้งลุยเดิน ทั้งนั่งเรือ หารู้มั๊ยว่า มีข่าวพบจรเข้ในหมู่บ้านบ้าง ตลาดบางบัวทองบ้าง หรือบริเวณใกล้เคียงตลอด แต่ไหนเลย ชาว 20/5 จะกลัว ...ฮ่าๆ
ดูคลิ๊ปครับ
เย้ๆ ...แล้ววันกลับบ้าน ก็มาถึง
หลังจากกลับมาดูบ้านเป็นระยะ สภาพจิตใจเราดีขึ้นที่เห็นน้ำลดลงเรื่อย ๆ
จนในที่สุด น้ำก็ลดลง จนรถขับถึงบ้านได้
จนในที่สุด น้ำก็ลดลง จนรถขับถึงบ้านได้
บ้านของพวกเรายังคงอีเหละเขะขะ ข้าวของ ขยะเต็มไปหมด
ขยะหน้าบ้านก็ล้นเป็นภูเขา
โซฟา โต๊ะ เตียง ตู้ อยู่บนถนนเพียบเลยครับท่านซอยอื่นๆ หลายครอบครัวในหมู่บ้าน ต่างทิ้งบ้านรกร้าง
รถที่ถูกน้ำท่วมก็จอดทิ้ง เหมือนหมดอาลัยตายอยากไม่อยากกลับมากแล้ว
แต่..เราก็ยอมกลับบ้าน โดยอยู่ไป เก็บไปครับ
ครอบครัวตาโอ๊ด กลับเข้าก่อนใครประมาณต้นเดือนธันวาคม
ส่วนผมและพ่อซัน กลับเข้าบ้าน วันเสาร์ที่ 10 ธค. 2554 พร้อมกัน
ครอบครัวลุงป๋องกลับเข้าบ้าน วันเสาร์ที่ 24 ธค. 2554
ลุงศักดิ์กลับเข้ามาศุกร์ 30 ธค 54
แล้วชีวิตเดิม ๆ ที่คุ้นเคย ก็ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง
เรานัดกันขณะนั้นว่า อีกไม่กี่วัน โต๊ะอัศวิน ก็จะกลับมาตั้งรับสมาชิก
เหมือนอย่างเคย......
....จบ...
ชมภาพต่าง ๆ และเรื่องเล่าเพิ่มเติม ด้านล่างนี้
เหมือนอย่างเคย......
....จบ...
ชมภาพต่าง ๆ และเรื่องเล่าเพิ่มเติม ด้านล่างนี้
ภาพขยะหน้าบ้านหลังน้ำท่วม
ภาพเคลื่อนไหวแสดงการมาของมวลน้ำ ตั้งแต่ต้นเดือน ตค.54 - ปลาย พย.54
คลิ๊กที่ภาพ ดูขนาดใหญ่ขึ้น
* - *-* -* -* -* -* -* - *-*
(ล้มโค่นไปแล้วเมื่อต้นเดือน เมย. 55 วันนั้นฝนตกมีพายุแรงมาก)
///////////////
ที่มา ของชื่อ เจี๊ยบ เอลเซ่...
ในขณะที่ผมและครอบครัวพักอยู่ พีพี.แมนชั่น อันแสนจะคับแคบ
อาหารการกินก็ได้แต่ซื้อกิน กินวนไปวนมา ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นแมนชั่นเค้าห้ามทำอาหาร
คุณนายเล็ก ภรรยา ก็หาซื้อขนมปังต่าง ๆ ไว้ให้แก้หิว
โดยเฉพาะ เอลเซ่ ....
เช้ามา .. ชงกาแฟ ก็กินเอลเซ่ แทนข้าว
กลับห้อง อยู่ห้อง หิวไม่รู้จะกินอะไร ก็กินเอลเซ่..
นั่งเบื่อ ๆ ไม่รู้ทำอะไร ก็ซัดเอลเซ่...
แทบละเมอเป็นเอลเซ่ เห็นโฆษณาเอลเซ่ทีำไร
แทบอวกครับพี่น้อง...
จนได้ชื่อใหม่ " เจี๊ยบ เอลเซ่ "
พี.พี.แมนชั่น
และนี่คือเอลเซ่..
เพิ่มเติมเรื่อง 26 มิย . 55
หลังจากได้รับเงินซ่อมแทรมบ้านครั้งแรก 5,000 บาท โอน ธ.ออมสิน ไปแล้วครั้งแรก
คราวนี้ ทุกหลัง ก็ได้เงินเยียวยาซ่อมบ้านอีก คนละ 20,000 บาท
รับเช็คเงินสดที่ อบต. เมื่อ 25 มิย.2555
ก็ชื่นมื่นโดยทั่วกัน โดยเฉพาะป้านาลุงป๋อง ได้สองหลังเป็น 40,000 บาท
มีแซวลุงป๋อง เช็คโดนสลักหลังให้เป็นของป้านาเรียบร้อยโรงเรียนจีน ...
ดูรูป
รวม Link ดูรูปลำดับเหตุการณ์
- สำรวจน้ำท่วมข้างบ้าน 18-19 ตค.54
- น้ำเริ่มมา เช้ามืดตีสี่ 20 ตค.54
- วันอพยพ วีดีโอแรก ถ่ายขณะออกจากบ้าน 20 ตค.54
- บ้านลุงป๋อง
- บ้านลุงศักดิ์
- บ้านเจี๊ยบ
- บ้านพ่อซัน
- บ้านโอ๊ต
- บ้านย่าอาร์ค ศาลาธรรมสพน์ คลองมหาสวัสดิ์
- ถนนเมนในหมู่บ้านด้านหน้าหมู่บ้าน
- สายสี่ทองคำพลาซ่า วันแรก 3 พย.54 น้ำเริ่มมา
- สายสี่ทองคำพลาซ่า น้ำมาแล้ว 4 พย.54
- สายสี่ทองคำพลาซ่า 10 พย.54 วันลอยกระทง
- สายสี่ทองคำพลาซ่า 11 พย.54
- วันเข้าดูบ้าน ครั้งแรก 22 ตค.54
- วันเข้าดูบ้าน ครั้งที่สอง 31 ตค 54
- วันเข้าดูบ้าน ครั้งที่สาม 6 พย.54
- ไอ้ทองสามห่วง
- กินข้าวที่ตึก
- พี.พี.แมนชั่น (ครอบครัวเจี๊ยบย้ายมาเช่าอยู่)
- วันกลับเข้าบ้าน 10 ธค.54
- รูปรวม ๆ
เก็บภาพและวีดีโอ
ที่ google photo : soi20bbt@gmail.com